[You must be registered and logged in to see this link.]สำหรับในหัวข้อยูนิคอร์ด ยังมีการเปร่ยถึงม้าในตำนานอีกตัวคือ เปกาซัส เรามาทำความรู้จักกันดีกว่า
สำหรับใครเคยดูหนังเรื่อง สงครามมหาเทพประจัญบาน ก็คงจะรู้ประวัติการเกิดของเปกาซัสกันแล้ว
[You must be registered and logged in to see this link.]ประวัติม้าเปกาซัสกลุ่มดาวม้าปีก Pegasus เป็นม้ามีปีกที่เนรมิตขึ้นโดย โปไซดอน หลังจากที่ เปอร์ซีอุสตัดหัวเมดูซ่า ม้าปีกก็พุ่งออกมาจากเลือดที่ออกจากไหลร่างกายของเมดูซ่า รอยเท้าของมันกลายเป็นสระน้ำ Hippocrene บนภูเขา Helicon และต่อมาได้กลายมาเป็นม้าของเบลเลโรฟอน
เบลเลโรฟอน เกิดในโครินธ์ เป็นลูกชายของพระราชา Glaucus ได้รับการฝึกสอนการขี่ม้าจากพ่อของเขาจนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในการขี่ม้ามากที่สุดคนหนึ่ง เมื่อเขาอายุได้ 16 ปี จึงได้ออกไปผจญภัยในโลกกว้าง ระหว่างการเดินทางเขาได้พบกับ Proteus ที่แกล้งเป็นมิตรกับเขา แต่จริงๆแล้วเขากลับอิจฉาเบลเลโรฟอน จึงพยายามหาวิธีทำให้เบลเลโรฟอนตาย โปรเตอุส เป็นลูกเลี้ยงของพระราชา Iobates แห่ง Lycia จึงแกล้งทำเป็นมีไมตรีฝากจดหมายให้เบลเลโรฟอนนำไปให้พระราชา เมื่อเขามาถึงไลเซีย เบลเลโรฟอนพบว่าดินแดนแห่งนี้ปกคลุมด้วย เงาดำ ในทุกๆคืน คีเมร่า(Chimera) !ประหลาดที่มีหัวเป็นสิงโตและหางเป็นมังกร เดินลงมาจากหุบเขา และคาบผู้หญิง, เด็ก และปศุ!ไปกินทุกคืน โครงกระดูกของเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย กระจัดกระจายไปทั่วหุบเขา ผู้คนทั้งหลายตกอยู่ในความหวาดกลัว
เมื่อพระราชาโลเบเตสอ่านจดหมายที่เบลเลโรฟอนนำมาส่ง เขาก็รู้ทันทีว่าโปรเตอุสลูกเลี้ยงของเขาต้องการเขาประหารชีวิตเบลเลโรฟอน ถึงแม้ว่าเขาจะอยากตามใจลูกเลี้ยงของเขา แต่เขาก็เกรงว่า การประหารชีวิตโดยตรงอาจจะทำให้เกิดสงครามกับเมืองโคธินเรียน เขาจึงขอร้องให้เบลเลโรฟอนไปปราบคีเมร่าแล้วเขาจะยกเจ้าหญิงลูกสาวของเขาให้แต่งงานกับเบลเลโรฟอน เพราะเขาแน่ใจว่าไม่เคยมีใครที่ไปปราบคีเมร่าแล้วรอดชีวิตกลับมา(เจ้าเล่ห์จริงๆแฮะ) เบลเลโรฟอนรู้สึกตื่นเต้นดีใจที่ได้ต่อสู้กับคีเมร่า เพราะว่าเขาดีใจที่ได้มีโอกาสช่วยเหลือประชาชนปราบ!ประหลาดที่คุกคามผู้คนทั้งหลาย เขาจึงเตรียมตัว โดยไปขอคำแนะนำจากยอดนักปราชญ์ Polyidus แห่งไลเซีย โพลีอิดัสประทับใจในความกล้าหาญของเขา จึงบอกให้ เขาไปที่วิหารเทพธิดาเอธีน่าและนำของกำนัลไปให้เพื่อขอคำแนะนำในการจับม้าวิเศษเปกาซัส เบลเลโรฟอนทำตามคำแนะนำของโพลีอิดัสทุกประการ และเมื่อเขาหลับไป เทพธิดาเอธีน่าก็มาเข้าฝันบอกว่าสระน้ำแห่งใดที่ม้าวิเศษเปกาซัสจะไปดื่มน้ำ และมอบบังเหียนทองแก่เขา
พอเขาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า พบบังเยนทองตกอยู่ข้างๆตัวเขา เขาก็รู้ว่าเขาไม่ได้ฝันไป เทพธิดาเอธีน่ามาช่วยเขาจริงๆ เบลเลโรฟอนออกเดินทางไปในป่า เพื่อค้นหาสระน้ำ Pirene ที่เทพธิดาเอธีน่าบอกไว้ เมื่อพบเขาก็ซ่อนตัวในพุ่มไม้ข้างสระน้ำพิเรเน่ เมื่อเปกาซัสบินมาถึงสระน้ำ เขารอจนมันก้มตัวดื่มน้ำในสระ เขาก็กระโดดออกมาจากที่ซ่อน แล้วหยิบบังเ!ยนทองมาครอบหัวม้า เปกาซัสตกใจรีบบินขึ้นไปบนฟ้าและพยายามสะบัดสลัด(แบบมอสยังไงยังงั้น)เพื่อให้เบลเลโรฟอนตกจากหลังของมัน แต่เบลเลโรฟอนมีความชำนาญในการขี่ม้าพยศมาก่อน ไม่ว่ามันจะสลัดสะบัดยังไงเขาก็ไม่ตกจากหลังของมัน เขาเกาะไว้จนมันเหนื่อย และเชื่องจนยอมให้เขาเป็นเจ้านายของมัน หลังจากนั้น เบลเลโรฟอนเดินทางไปยังเชิงผาที่คีเมร่าอาศัยอยู่ แล้วหยิบหอกยาวพุ่งเข้าแทงคีเมร่า แต่คีเมร่าก็พ่นไฟออกมาตอบโต้ เปกาซัสจึงบินหลบไปด้านหลังของคีเมร่าเพื่อหลบไฟ แล้วเปกาซัสก็บินอ้อมกลับมาด้านหน้า ก่อนที่มันจะพ่นไปอีกครั้ง เบลเลโรฟอนอาศัยโอกาสนี้พุ่งหอกเข้าปักหัวใจของคีเมร่า จนมันตาย และขี่เปกาซัสบินกลับไปยังวัง แล้วตามสัญญาที่ตกลงไว้กับพระราชา เบลเลโรฟอนก็ได้แต่งงานครองคู่กับเจ้าหญิงอย่างมีความสุข แต่หลายปีผ่านไป เบเลโรฟอนเกิดเบื่อการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในวัง อยากออกไปผจญภัยเหมือนสมัยหนุ่ม จึงขี่เปกาซัส บินไปเยี่ยมเทพเจ้าบนเขาโอลิมปัส ซุสเคืองในความโอหังของเบเลโรฟอนจึงส่งเหลือบไปกัดม้า จนเปกาซัสตกใจสลัดเบเลโรฟอนลงจากหลัง และบินหนีขึ้นไปบนสวรรค์{กลายเป็นกลุ่มดาวเปกาซัส} ส่วนเบเลโรฟอน ขณะที่ตกลงมาเทพเอธีน่าก็เสกให้พื้นดินกลายเป็นหญ้าที่อ่อนนุ่มรองรับร่างของเบเลโรฟอนไว้ หลังจากนั้นเขาจึงออกเดินทางตามหาเปกาซัส อย่างโดดเดี่ยวจนตายไปในที่สุด
และม้าตัวนี้ยังเป็นชุดเกราะครอสมิธของเรื่อง เซนต์เซย่า อีกด้วย :affraid:
ความรู้เกี่ยวกับ เปกาซัส อีกอย่างหนึ่งคือ เป็นกลุ่มดาวในแกแลกซีแอนโดรเมดา หรือ กลุ่มดาว M31 (อยู่ใกล้ๆกับ M78 ดาวของอุลตร้าแมนไหมนะ -*-) กลุ่มดาวเหล่านี้มีอายุพอๆ กับกลุ่มดาวในแกแลกซีทางช้างเผือก อยู่ห่างจากโลก 2.2 ล้าน ปีแสง แกแลกซีเป็นรูปเกลียวเหมือนจานสองใบประกบกัน หากต้องการมองเห็นกลุ่มดาวแอนโดรเมดาลักษณะเป็นฝ้าขาวที่ชัดเจนขึ้น อาจใช้กล้องส่องทางไกล หรือกล้องดูดาว โดยกลุ่มดาวแอนโดรเมดาจะอยู่สูงที่สุดบนฟ้า เวลาประมาณสี่ทุ่ม ช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน
ขอขอบคุณ : Google สำหรับข้อมูลต่างๆครับ